Which runway condition is the most difficult to land?
แต่คำตอบเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะระบุ เอาเป็นว่า
ผมพูดกว้าง ๆ คร่าว ๆ เพื่อไม่ให้ผดส.ตกใจ และหวาดระแวงมากเกินไป
เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของนักบินที่จะระแวดระวังเป็นพิเศษในแต่ละกรณีของการร่อนลงสู่สนาม
ก่อนอื่นต้องอ่านบทนำเพื่อความเข้าใจตรงกันก่อนครับว่า
การนำเครื่องบินลงสู่สนาม แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ
ช่วงของการลดระดับก่อนถึงสนามบิน หรือภาษาการบินเรียกว่า Approach
ซึ่งก็แบ่งออกไปอีกเป็น 3 ช่วง คือ Initial, Intermediate และ Final Approach
หลังจากตรงส่วนของ Final Approach แล้วจึงจะเข้าสู่เฟสของการ Landing
ช่วงของการ Landing จะรวมตั้งแต่ ช่วงก่อนถึงพื้น (ที่รับต่อจากช่วง Final Approach)
จนกระทั่งเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์และลดความเร็วลงในระหว่างที่แตะพื้นจนหยุดเรียกส่วนนี้เป็นการเฉพาะว่า Landing Roll
เมื่อเครื่องหยุดหรือออกจากสนาบบินเข้าสู่ทางขับซึ่งเรียกแบบทางการว่า Taxiway ( Taxiway หมายถึง ทางที่ใช้สำหรับให้เครื่องบินวิ่งไปสู่หลุมจอดหรือวิ่งจากหลุมจอดไปหารันเวย์) เป็นอันว่าจบช่วงของ การ Landing
แต่สำหรับนักบินอาชีพทุก ๆ คนแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ต้องระลึกถึงอยู่ตลอดเวลาของการทำ Approach to Land คือ การทำ Missed Approach หรือเรียกบ้าน ๆ ว่า นำเครื่องขึ้นไปใหม่ หรือ การ Go-Around
(Missed Approach กับ Go-Around ต่างกันเล็กน้อย สำหรับผดส. เรียกไปเถอะครับ ยังไงก็ความหมายเดียวกัน คือ นำเครื่องขึ้นไปใหม่เนื่องจากถ้าลงต่อไปจะเกิดอันตราย)
ย้อนกลับมาที่คำถามครับ
สภาพทางวิ่ง (runway condition) แบบไหนที่ยากลำบากที่สุดในการลงสนาม
ที่ผมบอกว่าตอบยาก เพราะข้อแรก ทุก ๆ สนามมีความยากง่ายต่างกัน และเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการทำ Approach ครับ เนื่องจากการทำ Approach เป็นเหมือนถนนที่นำเข้าไปสู่การ Landing ซึ่งในหนึ่ง ๆ รันเวย์นั้น สามารถมีเส้นทางหรือวิธี หรือวิถ๊ (Path) ของการร่อนสู่สนามได้หลายวิธีและวิถีครับ
ถ้าพูดถึงสภาพกายภาพ (Physical Condition) ของตัวรันเวย์ สนามบินที่ลงยากคือ
- ความกว้างของรันเวย์แคบ (narrow runway width)
- ความยาวของรันเวย์สั้น (short landing distance runway) (สองข้อนี้ เกี่ยวพันกับขนาดของเครื่องบินด้วยครับ เครื่องบินลำใหญ่ ๆ อย่าง A380 หรือ B747 ต้องการสนามกว้างและยาวกว่า เครื่องบินที่เล็กกว่า อย่าง A330 หรือ B777)
- สภาพอากาศ อันนี้เป็นปัจจัยต้น ๆ ของความยากในการลงสนามครับ กระแสลมแรง มีพายุฝนอยู่ใกล้ ๆ มีฝนตก ลมขวาง ลมส่งท้าย ลมเกินข้อจำกัดในการลงสนาม หรือ หมอกควัน ตอนเช้า ๆ หรือ พายุทะเลทราย พายุหิมะ ที่ทำให้ทัศนวิสัยต่ำ เรื่องสภาพอากาศมีผลกระทบโดยตรงต่อ ความสามารถในการบังคับเครื่องบิน และความสามารถในการมองเห็นก่อนลงสนาม
- สภาพของพื้นสนาม เอียง ลาด ชัน แห้ง เปียก หรือ ฉ่ำ ๆ (Damp) สภาพสนามที่มีความลื่นมากเมื่อเปียกฝน (slippery when wet) เป็นอันตรายต่อการ landing หรือ การมีวัตถุแปลกปลอมอยู่บนพื้นรันเวย์ก็เป็นอันตรายมาก
- สภาพของระบบนำร่องและระบบไฟของสนามบิน (Landing facilities and runway lighting system)
- สภาพภูมิประเทศ มีเขาล้อมรอบอยู่ใกล้สนาม ทำให้มีความยากในการเข้าสู่สนาม และการทำ missed approach ก็จะยากด้วย ซึ่งส่งผมมาที่การ landing (มันเกี่ยวกันมากครับ อันนี้ขอไม่อธิบาย เพราะยาวแน่ ๆ)
- สภาพแวดล้อม ทั้งธรรมชาติเช่น ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้สนามบิน (มีข้อกำหนดในการสร้างสิ่งปลูกสร้างใกล้สนามบิน โดยเฉพาะเรื่องความสูงของสิ่งปลูกสร้าง)
- ปัญหาเรื่องมลพิษทางเสียง เช่น การห้ามบินผ่านแหล่งชุมชน มีส่วนเพิ่มความยากของวิธีการบิน
- ปัญหาเรื่องสัตว์ปีก ฝูงนก ชุกชุม
- อื่น ๆ มากมายครับ
โดยสรุปสั้น ๆ (เขียนซะยาวเลย)
สนามบินที่ลงยากมากที่สุดคือ
“ สนามสั้น แคบ ลื่น ลาด ขรุขระ มืด ฝนตก หิมะตก ลมกรรโชก ทัศนวิสัยต่ำ ไฟสนามบินไม่ครบหรือไม่ดี ระบบนำร่องไม่ทันสมัย เขาล้อมรอบ หรือเป็นหุบเหว อยู่บนที่สูง มีสิ่งปลูกสร้างมาก หรือต้นไม้สูง ใกล้แหล่งชุมชน และเป็นที่อาศัยของสัตว์ปีก "
(ยังไม่นับเรื่องเครื่องบินและเรื่องคนคือ นักบิน และหอบังคับการบิน เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคำถาม)
สนามแบบที่เขียนด้านบนไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอกครับ
ส่วนใหญ่ผู้รับผิดชอบสนามบินจะรู้ว่าอะไรคือตัวแปรที่ทำให้ความปลอดภัยลดลง เค้าก็จะพยายามสร้างสิ่งอื่นขึ้นมาทดแทนเพื่อเป็นการชดเชยให้การลงสนามกลับมาอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัย หรือสร้างข้อกำหนดในการลงสนาม เช่น บางสนามไม่ให้ลงในเวลากลางคืน หากระบบไฟบางอย่างเสีย เป็นต้น
สนามบินทุกสนามจะต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับการยอมรับโดยสายการบินต่าง ๆ ให้เป็นสนามบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยโดยการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดของกรมการบินพลเรือนของแต่ละประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น