พูดถึงเรื่องสภาพอากาศกับการบิน
เมื่อวาน (๒๕ ก.ค. ๕๗) ก็มีเครื่องบินตกเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย
RIP แด่ผู้ประสบอุบัติเหตุเคราะห์ร้าย ครับ
หลายคนอาจรู้สึกเป็นกังวลว่า
"ช่วงนี้เครื่องบินตกบ่อยจัง”
ในมุมมองของนักบินส่วนใหญ่ เมื่อทราบข่าวคราวการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องบิน
เรามักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเสมอ ไม่ใช่ว่าเพราะกลัว
แต่เพื่อศึกษาและเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จากข้อมูล จากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
โดยมารยาทวิชาชีพ
นักบินจะถือว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นครูสอนเรา และคอยเตือนใจให้เรา ใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อศึกษาหาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ต่อไปในอนาคตครับ
การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุ อาจมีการพาดพิงเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะไปสอดคล้องกับเหตุการณ์ทั้งในอดีต หรือปัจจุบัน ผมไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่ หรือดูหมิ่น ดูแคลนต่อทั้งตัวบุคคลและ/หรือบริษัท หรือสายการบินใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ ยังไงก็ขออภัยกันไว้ล่วงหน้า เพราะเจตนาคือการให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจครับ
นักบินกับการบินในสภาพอากาศ
ตั้งแต่สมัยผมเรียนเป็นศิษย์การบินอยู่ที่ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน หัวหิน ด้วยทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณปี ๒๕๓๖
ครูการบินที่ศูนย์ฝึกฯ หัวหิน แทบจะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"คุณจะเป็นนักบินต้องเรียนรู้และเข้าใจเรื่องดิน ฟ้า อากาศ (Meteorology) ให้ได้เทียบเท่ากับ นักอุตุนิยมวิทยา (Meteorologist) ”
จนวันนี้กว่า ๒๐ ปี แล้วที่ผมเป็นนักบินของบริษัท การบินไทย
คำกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงครับ (จำได้ว่าตอนนั้นวิชา MET ได้ 97/100 ขอโม้หน่อย)
เพียงแต่ นักบินจะไม่ได้เรียนทั้งหมดที่นักอุตุนิยมวิทยาต้องเรียน (ผมว่าเราเรียนแค่เสี้ยวเดียว)
นักบินถือเป็นผู้ใช้ข้อมูลจากนักอุตุนิยมวิทยามากที่สุดอาชีพหนึ่งครับ
สิ่งที่นักบินต้องเรียนคือ การใช้ประโยชน์จากการพยากรณ์อากาศและการตรวจอากาศ หรือบางครั้งก็ใช้ข้อมูลด้านแผ่นดินไหวและการระเบิดของภูเขาไฟอีกด้วย
หรือ พูดง่าย ๆ ว่า นักบินเป็นผู้ที่รับข้อมูลจากนักอุตุนิยมวิทยาเพื่อนำข้อมูลสภาพอากาศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านการบินให้มากที่สุด
และหนึ่งในประโยชน์สูงสุดคือ การนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อให้การบินมีความปลอดภัยในสภาพอากาศที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก
ดังนั้น นักบินจึงต้องเรียนรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Natural Phenomenon) แทบจะทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศของโลก (The Atmosphere)
เมื่อเราพูดถึงคำว่า
สภาพอากาศและการใช้ประโยชน์
ผมหมายถึงการใช้ประโยชน์จริง ๆ ครับ
มันคือการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบิน เช่น
การหาเส้นทางเพื่อบินตามลมให้ลมส่งท้ายจะได้บินประหยัดน้ำมันมากขึ้น
หรือ การใช้การพยากรณ์อากาศเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย เป็นต้น
รายละเอียดเรื่องนี้มีมากมายครับ ผมจะค่อย ๆ เขียนเท่าที่พอจะทำได้ไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้ามีคำถามให้ตอบก็ยินดีนะครับ ง่ายกว่านั่งคิดเองว่าจะเขียนอะไร
(ความจริงชอบเขียน แต่ไม่รู้จะเขียนอะไรมากกว่า ^__^ )
คำตอบหรือความเห็นอาจจะไม่ได้อ้างอิงตำราที่ไหน
อาศัยความเข้าใจเป็นทุนเดิมและพยายามจะเขียนเฉพาะเกร็ดหรือประเด็นที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่เป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินแล้วกันนะครับ (กรุณาอย่าใช้เป็นการอ้างอิงหรือเป็นตำรา)
เมื่อวาน (๒๕ ก.ค. ๕๗) ก็มีเครื่องบินตกเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย
RIP แด่ผู้ประสบอุบัติเหตุเคราะห์ร้าย ครับ
หลายคนอาจรู้สึกเป็นกังวลว่า
"ช่วงนี้เครื่องบินตกบ่อยจัง”
ในมุมมองของนักบินส่วนใหญ่ เมื่อทราบข่าวคราวการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องบิน
เรามักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเสมอ ไม่ใช่ว่าเพราะกลัว
แต่เพื่อศึกษาและเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จากข้อมูล จากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
โดยมารยาทวิชาชีพ
นักบินจะถือว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นครูสอนเรา และคอยเตือนใจให้เรา ใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อศึกษาหาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ต่อไปในอนาคตครับ
การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุ อาจมีการพาดพิงเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะไปสอดคล้องกับเหตุการณ์ทั้งในอดีต หรือปัจจุบัน ผมไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่ หรือดูหมิ่น ดูแคลนต่อทั้งตัวบุคคลและ/หรือบริษัท หรือสายการบินใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ ยังไงก็ขออภัยกันไว้ล่วงหน้า เพราะเจตนาคือการให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ที่สนใจครับ
นักบินกับการบินในสภาพอากาศ
ตั้งแต่สมัยผมเรียนเป็นศิษย์การบินอยู่ที่ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน หัวหิน ด้วยทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประมาณปี ๒๕๓๖
ครูการบินที่ศูนย์ฝึกฯ หัวหิน แทบจะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"คุณจะเป็นนักบินต้องเรียนรู้และเข้าใจเรื่องดิน ฟ้า อากาศ (Meteorology) ให้ได้เทียบเท่ากับ นักอุตุนิยมวิทยา (Meteorologist) ”
จนวันนี้กว่า ๒๐ ปี แล้วที่ผมเป็นนักบินของบริษัท การบินไทย
คำกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงครับ (จำได้ว่าตอนนั้นวิชา MET ได้ 97/100 ขอโม้หน่อย)
เพียงแต่ นักบินจะไม่ได้เรียนทั้งหมดที่นักอุตุนิยมวิทยาต้องเรียน (ผมว่าเราเรียนแค่เสี้ยวเดียว)
นักบินถือเป็นผู้ใช้ข้อมูลจากนักอุตุนิยมวิทยามากที่สุดอาชีพหนึ่งครับ
สิ่งที่นักบินต้องเรียนคือ การใช้ประโยชน์จากการพยากรณ์อากาศและการตรวจอากาศ หรือบางครั้งก็ใช้ข้อมูลด้านแผ่นดินไหวและการระเบิดของภูเขาไฟอีกด้วย
หรือ พูดง่าย ๆ ว่า นักบินเป็นผู้ที่รับข้อมูลจากนักอุตุนิยมวิทยาเพื่อนำข้อมูลสภาพอากาศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านการบินให้มากที่สุด
และหนึ่งในประโยชน์สูงสุดคือ การนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อให้การบินมีความปลอดภัยในสภาพอากาศที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก
ดังนั้น นักบินจึงต้องเรียนรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Natural Phenomenon) แทบจะทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศของโลก (The Atmosphere)
เมื่อเราพูดถึงคำว่า
สภาพอากาศและการใช้ประโยชน์
ผมหมายถึงการใช้ประโยชน์จริง ๆ ครับ
มันคือการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบิน เช่น
การหาเส้นทางเพื่อบินตามลมให้ลมส่งท้ายจะได้บินประหยัดน้ำมันมากขึ้น
หรือ การใช้การพยากรณ์อากาศเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย เป็นต้น
รายละเอียดเรื่องนี้มีมากมายครับ ผมจะค่อย ๆ เขียนเท่าที่พอจะทำได้ไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้ามีคำถามให้ตอบก็ยินดีนะครับ ง่ายกว่านั่งคิดเองว่าจะเขียนอะไร
(ความจริงชอบเขียน แต่ไม่รู้จะเขียนอะไรมากกว่า ^__^ )
คำตอบหรือความเห็นอาจจะไม่ได้อ้างอิงตำราที่ไหน
อาศัยความเข้าใจเป็นทุนเดิมและพยายามจะเขียนเฉพาะเกร็ดหรือประเด็นที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่เป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินแล้วกันนะครับ (กรุณาอย่าใช้เป็นการอ้างอิงหรือเป็นตำรา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น