(ว่าด้วยการบินโอนลี่)
สนามบินปักกิ่งมีขนาดและที่จอดไม่ใหญ่ไม่โตไปกว่าสนามบินสุวรรณภูมิมากนัก
หอบังคับการบิน (ATC:Air Traffic Control) ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องและไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่พูดนอก pattern หรือนอก loops ของการทำงาน
บินมาเมืองจีนพี่ไทยอย่างเราจึงต้องพูดช้า ๆ ชัดๆ ไม่งั้นอาเฮียจะไม่ตอบ
เมื่อไหร่ที่พูดกันไม่เข้าใจ ATC จะตัดบทด้วยการพูดภาษาจีนกับเครื่องอื่น ปล่อยให้เรารอ
สักพักจึงจะกลับมาคุยกันใหม่ ไม่รู้แอบไปเปิด (Dictionary หรือเปล่า)
แต่เครื่องบินไทยก็ยังดีกว่าเครื่องบินของฝรั่งผมทอง
เพราะภาษาอังกฤษสำเนียงจีน ฝรั่งฟัง ม่าย-ข้าว-จาย
ตามหลักการสื่อสารด้านการบิน หาก เข้าใจกำกวม ถือว่าอันตราย
ดังนั้น ฝรั่งจะขอให้ ATC จีน พูดใหม่อีกครั้ง
"Say Again" คือ plain language ที่ใช้กันใน Aviation
บางครั้งเราจะได้ยินคำว่า Say Again อยู่หลายครั้ง จนเราเกิดนึกรำคาญว่าเมื่อไหร่จะได้เรื่องสักที
มีอยู่ทีที่ฝรั่งถึงขั้นอ้อนวอนเครื่องลำอื่นที่เข้าใจ ช่วยแปลให้หน่อยเหอะ
เขาจะได้ readback clearance ให้เป็นที่เข้าใจกันเสียที เคสนี้กว่าจะจบ โล่งอกกันไปตามๆกัน
สนามบินปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง กวางเจา เฉิงตู ฯลฯ ทุกที่ล้วนมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน
ที่ผมเขียนมานั้น คือ อดีตของจีน เมื่อสัก 15 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน จีน ไม่ใช่อย่างที่เขียนอีกต่อไปแล้ว
สนามบินของจีน ทั้งปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง กวางเจา และอื่นๆ
ล้วนถูกปรับปรุงพัฒนาอย่างมาก
มากชนิดที่เรียกว่า มากกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ
น่าจะเรียกว่า เปลี่ยนจากมือ ดำกร้าน เป็นมือขาวๆ สะอาดสวยงาม
สนามบินของจีนเปลี่ยนไปมากครับ ทั้งในแง่ของความสะดวกสบายภายในอาคารผู้โดยสารและมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตัวอาคารผู้โดยสาร (Terminal) มีหลายอาคารมากขึ้น เชื่อมต่อกันด้วยรถไฟฟ้าเพื่อพาผู้โดยสารเข้าหรือออกจากสนามบิน
ตัวสะพานเทียบเครื่องบินก็ปรับปรุงมาตรฐานและเน้นความสะอาดสวยงาม ไม่มีเศษขยะทิ้งเรี่ยราด และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าทางเข้าออกจากอาคารผู้โดยสารอยู่ตลอดเวลา ป้ายและสัญลักษณ์ภายในสะพานเทียบชัดเจน (ไม่ใช่ โฮมเมด-แฮนด์ไร้ท์ติ้งแบบสุวรรณภูมิ)
หลายท่านที่เดินทางคงเคยเห็นสภาพของบ้านเรามาบ้าง ก็คงไม่ต้องอธิบายกันมากละครับ
ความสะอาดส่วนนี้คือการดูแลของเจ้าของสนามบินนะครับ ไม่ใช่สายการบิน
ที่ต้องเขียนนี่ เพราะคนเข้าใจผิดมากว่าการบินไทยเป็นผู้รับผิดชอบ
แน่นอนรวมถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการบริการในการเทียบเครื่องบิน มาตรการและขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกพัฒนาขึ้นเทียบเท่ากับมาตรฐานสากลพึงมี
ผมอยากจะบอกว่าสูงกว่าไทยเสียอีก แต่ก็ดูจะใจร้ายกับการท่าอากาศยานไทยเกินไป เอาเป็นว่า เท่าๆ ไทยล่ะกัน
(ใจจริงผมคิดนะว่าเราด้อยกว่าเค้าสองสามก้าวแล้วหล่ะครับ
แต่ยังอยากหลอกตัวเองนิดๆในฐานะคนไทย ก็เราเคยดีกว่าเขาตั้งหลายขุมนะ)
ยกตัวอย่างที่สนามบินจีนดีกว่าเราแน่ๆคือ
ส่วนที่เป็นลานจอด (Apron) ทางขับ (Taxiway) และทางวิ่ง (Runway) ไม่ตะปุ่มตะปั่ม หรือปะแปะพื้นใหม่พื้นเก่ากระดำกระด่าง และไม่เป็นคลื่นเหมือนตัวหนอนกั้นถนนกันมอเตอร์ไซต์ซิ่ง
พื้นสนามบินของจีนเขาเรียบกริบ
ทำให้เครื่องบินเคลื่อนตัวได้อย่างราบรื่น ผู้โดยสารก็นั่งสบาย
นักบินก็เพิ่มความเร็วในการ taxi ทำเวลาได้มากขึ้น
(สุวรรณภูมิของไทย ถ้านักบินเผลอใช้ความเร็วมากตอน taxi ผู้โดยสารอาจมีจุก)
ส่วนเรื่องหอบังคับการบินปัจจุบัน ผมว่าความสามารถไม่ธรรมดานะครับ รวมทั้งการเข้าใจภาษาและการสื่อสาร สำเนียงการพูดก็เข้าใจได้ง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ บางคนพูดได้คล่องและชัดเจนมาก เรียกว่า ปัญหาเรื่องภาษาเขาแก้ไขอย่างจริงจังและแทบไม่มีปัญหาเรื่องการโต้ตอบสื่อสารแล้ว
จะติดอยู่ก็แค่ว่า บางครั้งเกิด soundtrack ส่งเสียงในฟิล์มระหว่างกันมากไปหน่อย
คือเครื่องจีนกับหอจีน ยังคงสื่อสารกันด้วยภาษาจีนตลอด
ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจหรือคาดเดาการบินเข้าออกของเครื่องลำอื่นได้
เพราะโดยปกติแล้วนักบินจะ monitor traffic ลำอื่นๆที่บินเข้าออกด้วยเพื่อเป็นการจัดตัวเองในการลดความเร็วและระยะสูงในการลงสนาม หรือเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชนด้วยส่วนหนึ่ง (ที่ว่าส่วนหนึ่ง เพราะหอบังคับการบินจะเฝ้าระวังอยู่แล้ว) เรื่องนี้เป็นส่วนเสริมด้าน situation awareness ของนักบิน
เรื่องการส่งภาษาท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องแปลก หากจำเป็นสามารถทำได้ ไม่ผิด โดยเฉพาะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ (หรือแอบนินทาต่างชาติออกอากาศ) หลายๆประเทศก็มีส่งภาษาของชาติบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรืออิตาลี เพียงแต่ว่า นานๆ จะได้ยินทีนึง แต่เมืองจีนพูดกันอย่างเป็นทางการ ภาษาอังกฤษยังเป็นลูกเมียน้อยอยู่
บางคนอาจจะคิดว่า อย่างน้อยคนไทยก็ยังมีมารยาทมากกว่าคนจีน ดูจากเหตุความวุ่นวายเนื่องจากนิสัยเฉพาะตัวของคนจีนที่เป็นข่าวต่างๆนานา
อันนี้ผมไม่อยากเถียง แต่อยากให้มองในมุมที่ว่า
ถ้าเทียบต่อจำนวนประชากร คนไทยอาจมีมารยาทน้อยกว่าคนจีนก็ได้นะครับ
ทุกชาติเผ่าพันธุ์ ล้วนมีข้อดีข้อด้อย เราเก็บแต่ด้านดีๆ มาใช้ละกันครับ
ทั้งหมดนั้นแค่อยากชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาประเทศของจีน
ผ่านการพัฒนาด้านธุรกิจการบิน
เพราะในอดีตจีนเคยถูกครหาเรื่องความหย่อนยาน ความไม่มีประสิทธิภาพ และมาตรฐานการบินที่ต่ำ แต่ปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว เขาเปลี่ยนไปมาก และเราคงจะถูกทิ้งห่างมากขึ้นในเร็ววันนี้ ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่พัฒนาแบบองค์รวม
เราจะมีแต่คนเก่งและองค์กรที่เก่งเฉพาะเรื่องของตนเอง
แต่ไม่สามารถเชื่อมสะพานต่อยอดภูเขาสูงๆ ของแต่ละองค์กรให้สื่อสารกันได้เลย
อยากเห็น แจ๊คหม่า กับ เสี่ยวหมี่ ในเมืองไทยบ้าง เกี่ยวไหมเนี่ย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น