Advertising8

google Ads

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทายสิว่า เมืองอะไร (เดาไม่ยาก)

ทายสิว่า เมืองอะไร (เดาไม่ยาก)
ประเทศออสเตรเลีย ประกาศให้พลเมืองชาวออสเตรเลีย ยังคงเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยตามปกติ วันนี้บินออกจากเมืองไทยมาถึงที่นี่ ใช้เวลา 8 ชั่วโมง ระหว่างทางบินผ่านอ่าวไทย ผ่านตะวันออกของมาเลเซีย และเข้าน่านฟ้าสิงค์โปร์

จากน่านฟ้าสิงค์โปร์จะบินถึงเข็มทิศไปทางตะวันออกเฉียงใต้นิดๆ บินข้ามเส้นศูนย์สูตร (Equator) แถว ๆ ประเทศอินโดนีเซีย แล้วข้ามทะเลเข้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย

ถ้านับตั้งแต่ขึ้นฝั่ง (ทางอากาศ) ของประเทศออสเตรเลียไปจนถึงที่หมาย ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
บินทะแยงมุม จาก NW ไป SE

เที่ยวบินนี้ช่วงที่บินมาเป็นเวลากลางคืน จึงมองไม่เห็นภูมิประเทศ ตอนใกล้ถึงสนามบินจะเป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดิบพอดี
ถ้าเป็นอีกเที่ยวบินหนึ่งที่ออกตอนเช้าตรู่ที่เมืองไทย จะผ่านเกาะบาหลี เห็นทะเลสวย ๆ (ถ้าไม่มีเมฆบัง) บางครั้งบินผ่าน Ayers Rock ภาษาอะบอริจินแปลว่า หินแดง ก้อนหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ผมมีภาพ วันหลังจะโพสต์ให้ชมกัน
ช่วงขากลับเข้าประเทศไทย จะได้เห็นประเทศออสเตรเลีย และเส้นทางขากลับจะผ่านคนละเส้นทางเพื่อหลบกระแสลมต้านจะได้ไม่เปลืองน้ำมัน

-----------------------------------------------------------------------------------------
อ่าน "A Pilot" หนังสือสำหรับผู้สนใจด้านการบินและการเดินทาง
eBooks
http://www.ebooks.in.th/ebook/35529/A_Pilot/

OOKBEE
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=bd9048fe-183b-4115-b661-06658591b91d&affiliateCode=20b886e61d024a5fa2e4afada3552975

MebMarket
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjM4MzE5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjk3NzMiO30

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Flying Phobia

Flying Phobia
(22Aug15)

ปัญหาของผู้ที่รู้สึกกลัวการขึ้นเครื่องบินมาก
แต่จำเป็นต้องเดินทางบ่อยๆ
"โดยเฉพาะเที่ยวบินต้องบินไกลเป็นสิบชั่วโมงจะยิ่งรู้สึกกลัวมาก"

"จะใช้ยานอนหลับได้หรือไม่ เพื่อจะได้หลับไปเลยระหว่างเดินทาง ไม่ต้องรู้สึกเป็นกังวล"

อาการกลัวเครื่องบินที่เรียกว่า flying phobia, flight phobia, หรือ aerophobia นั้น
คือ ความรู้สึกเป็นกังวล มีอาการหวาดระแวง กลัว มือสั่น เหงื่อแตก
รู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก ยิ่งเครื่องสั่นหรือตกหลุมอากาศจะยิ่งทำให้มีอาการเหล่านั้นเพิ่มขึ้น

บางคนเคยขึ้นเครื่องบินมาแล้ว ไม่ได้รู้สักกังวลหรือหวาดกลัว
แต่ภายหลังมาเจอเครื่องบินตกหลุมอากาศ หรือมีเหตุฉุกเฉินมีความรุนแรง
ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ

การแก้ปัญหาเรื่องการกลัวการขึ้นเครื่องบินนั้นดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่เป็นเฉพาะบุคคล
และขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมาของคนๆนั้นด้วยว่า สาเหตุที่ไม่อยากขึ้นเครื่องเกิดจากอะไร

ถ้าเคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน แล้วมากลัวทีหลัง แสดงว่า ได้รับประสบการณ์ไม่ดีจนเกิดความกังวล เรื่องที่นั่งบนเครื่องบินก็อาจมีส่วนเช่นกันครับ ที่นั่งที่คับแคบของชั้นประหยัด อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และไม่สามารถพักผ่อนได้ในระหว่างที่ต้องเดินทางไกล ๆ ไม่สามารถหลับได้ เหมือนต้องตื่นอยู่ตลอด บรรยากาศภายในห้องโดยสารก็มีส่วน คนที่ไม่ชอบที่แคบ เมื่อเดินทางในชั้นโดยสารที่แออัด ก็จะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่สบายและเริ่มหงุดหงิด เมื่อเครื่องบินบินผ่านสภาพอากาศแปรปรวนเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกเป็นกังวล

ตัวระบบสันทนาการบนเครื่องบินช่วยได้ระดับหนึ่งครับ หาภาพยนต์ ดนตรี หรือเกมส์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายระหว่างการเดินทางเป็นทางออกที่ดีกว่าการใช้ยานอนหลับ

การใช้ยานอนหลับ ส่วนตัวผมไม่สนับสนุนนะครับ

 "ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ยานอนหลับระหว่างเดินทางโดยเครื่องบิน"

โดยเฉพาะถ้าจะใช้แบบแรงที่ทำให้หลับแบบไม่รู้สึกตัวเลยนี่ยิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะหากเครื่องบินเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างทางขึ้นมาเราจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
และไม่รู้เลยว่ากัปตันและลูกเรือบอกให้ทำอะไร ตอนไหน เมื่อไหร่
ถ้าจำได้ ผมเคยเขียนเรื่อง lying sick passenger หรือผู้โดยสารป่วยที่ต้องเดินทางแบบนอนไป
ผู้โดยสารคนนั้นต้องนอนไปตลอดโดยการให้ยานอนหลับ เค้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นกัน แต่ lying sick passenger นั้น ถูกกำหนดให้เดินทางได้ก็ต่อเมื่อมี escort คือ คุณหมอและ/หรือพยาบาล เดินทางไปด้วยเท่านั้น เพราะหมอหรือพยาบาลจะต้องดูแลผู้โดยสารท่านนั้นไปตลอดการเดินทางครับ

อีกวิธีหนึ่งเพื่อคลายความกังวลคือ ให้บอกลูกเรือหรือหัวหน้าพนักงานต้อนรับสักนิดก็ได้ครับ ว่าผม/ดิฉัน กลัวการขึ้นเครื่องบินนะ มีอะไรช่วยบอกช่วยเตือนด้วย ไม่ต้องอายครับ
เพราะทางลูกเรือจะได้รู้ว่า ท่านต้องการความช่วยเหลือ หากมีสถานการณ์ที่ผิดปกติ หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้ท่านเองสบายใจขึ้นอีกนิดว่า มีคนจะมาช่วยมาดูแลหากเกิดอาการช๊อคหรือหมดสติขึ้นมา (หวังว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น)

จริง ๆ แล้ว พนักงานต้อนรับที่มีประสบการณ์จะสามารถสังเกตได้ครับว่า ผู้โดยสารท่านใดมีอาการผิดปกติหรือไม่อย่างไร และก็จะเข้าไปถามไถ่ปัญหาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าครับ เรื่องนี้มีผลทางด้านจิตวิทยา คือ การได้พูดได้คุย ได้ระบายความอึดอัดออกมาบ้างไม่มากก็น้อย

การพูดคุยกับเพื่อนเดินทาง หรือเดินทางพร้อม ๆ กันกับเพื่อนก็ช่วยให้ผ่อนคลายไปได้มากครับ
สายการบินต่าง ๆ ก็รับรู้ตรงนี้ และพยายามที่จะทำบรรยากาศในการให้บริการระหว่างเที่ยวบินมีความเป็นกันเอง เสมือนมีเพื่อนเดินทางไปด้วยกัน การประกาศจากห้องนักบินก็มีผลเช่นกันนะครับ โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารรู้ว่าเกิดความผิดปกติ
การคลายความกังวลของผู้โดยสารคือ เสียงของกัปตันหรือนักบินที่ควบคุมเครื่องบิน
การประกาศบอกว่า เกิดอะไรขึ้น และควบคุมสถานการณ์เหล่านั้นได้แล้ว ผู้โดยสารไม่ต้องเป็นกังวล

คือถ้าได้ยินอย่างนี้ จะหายกังวลจริง ๆ (รึเปล่า)

-------------------------------------
eBook "A Pilot" by Captain.Sopon
eBooks
http://www.ebooks.in.th/ebook/35529/A_Pilot/

OOKBEE
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=bd9048fe-183b-4115-b661-06658591b91d&affiliateCode=20b886e61d024a5fa2e4afada3552975

MebMarket
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjM4MzE5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjk3NzMiO30

#กลัวเครื่องบิน #flying #phobia #pilot #airline # travel #plane 

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Safest seat

Safest seat 
ที่นั่งตรงไหนที่ปลอดภัยที่สุดในห้องโดยสาร
(18 สิงหาคม 2558)

รู้หรือไม่ ที่นั่งตรงไหนที่ปลอดภัยที่สุดหากเครื่องบินมีอุบัติเหตุ
 
ให้ลองเดากันก่อนที่จะอ่านหรือดูภาพนะครับ
บางคนอาจบอกว่าที่ปีก เพราะมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากที่สุด
บางคนคิดว่าน่าจะเป็นส่วนหัวของเครื่องบิน เพราะอยู่ใกล้นักบิน
และน้อยคนจะคิดว่าส่วนท้ายเพราะส่วนใหญ่มักคิดว่าท้ายเครื่องเล็กและคับแคบ

สถิติการรอดชีวิตของผู้โดยสารจากอุบัติเหตุของเครื่องบิน
ที่นั้งท้ายเครื่องบินมีอัตราผู้รอดชีวิตสูงที่สุด
(Survival rate) คือ 69% (ภายในบริเวณสีเขียวด้วยกัน)
และที่นั่งด้านหัวเครื่องบินมีอัตราผู้รอดชีวิตต่ำที่สุด
49%
บริเวณนี้สายการบินและเครื่องบินส่วนใหญ่มักจะเป็นที่นั่งสำหรับชั้น
First Class และ Business Class

ที่นั่งบริเวณปีกเครื่องบินมีอัตราผู้รอดชีวิตปานกลาง

การที่อัตราผู้รอดชีวิตน้อยทีสุดที่บริเวณส่วนหัวของเครื่องบิน
เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
บริเวณส่วนหัวคือส่วนที่รับแรงกระแทกมากกว่าส่วนอื่น เพราะเป็นส่วนหน้าสุดของเครื่องบิน
ซึ่งมักจะเป็นทิศทางที่เครื่องบินจะไถลไป

บริเวณกลางลำตัวนั้น แม้โครงสร้างของเครื่องบินจะแข็งแรงที่สุด
เพราะเป็นส่วนที่ต้องรับน้ำหนักของเครื่องบินแทบทั้งหมด
แต่อันตรายจากบริเวณส่วนกลางลำตัวเวลามีอุบัติเหตุคือ
เป็นที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง และทางออกจากเครื่องบินจะอยู่ในแนวของเครื่องยนต์
ที่อาจมีปัญหามีไฟลุกไหม้อยู่เมื่อตอนมีอุบัติเหตุ

ส่วนท้ายของเครื่องบิน เหมือนจะเป็นโครงสร้างที่บอบบางที่สุด
เวลานั่งเครื่องบินด้านท้ายสุด จะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าด้านหน้าสุด
เพราะบริเวณส่วนท้ายอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางด้านแอโรไดนามิกส์ (mean aerodynamic cord)ของเครื่องบินมากกว่าส่วนอื่น จึงมีการเคลื่อนที่มากกว่าเวลาเครื่องบินเข้าบริเวณที่มีสภาพอากาศแปรปรวน
แต่ทำไมอัตราการรอดชีวิตในบริเวณนี้จึงสูงกว่าที่อื่น
 
นั่นเป็นเพราะว่า หากเกิดการกระแทก (impact) บริเวณนี้มักจะไม่ใช่จุด impact หรือ impact หลังสุด แรงกระแทกมันลดลงเยอะแล้ว
เอาเป็นว่ามันเป็นส่วนท้าย ๆ สุดที่จะสัมผัสพื้นในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ
ยกเว้น กรณีเอาหางแตะพื้นก่อนเพราะเครื่องบินผิดท่าทาง (unusual attitude)และร่วงลงกระแทกพื้น

ถ้าเป็นการ landing โดยหางสัมผัสพื้นก่อน (tail strike) ถ้าไม่รุนแรงมาก เครื่องบินไม่เป็นไรนะครับ แต่จะทำการบินต่อไม่ได้ จนกว่าจะมีการตรวจสอบสภาพโครงสร้างของเครื่องบินทำลำใหม่หมด
หากเลวร้าย
tail strike ขั้นรุนแรง ก็ยังมีอัตราการรอดชีวิตสูงอยู่ เพราะส่วนหางจะหักออกและไถลไปตามยถากรรมเพียงส่วนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร
เราจึงมักเห็นอุบัติเหตุที่ส่วนหางหลุด แต่คนรอดชีวิต

เล่าให้ฟังเพื่ออยากให้รู้และเข้าใจครับ
อุบัติเหตุของเครื่องบินเกิดขึ้นน้อยมาก

อัตราการเสียชีวิตของเที่ยวบินพาณิชย์แบบประจำ
(Scheduled Commercial Departure) ตลอดระยะเวลา 10 ปี (2004-2013) ต่อ 1 ล้านเที่ยวบินคือ 0.28 คนเท่านั้นครับ
คิดย้อนกลับใหม่ให้ "งง" เล่นๆ แสดงว่าเที่ยวบินเกือบๆ
4 ล้านเที่ยวบินจึงมีคนเสียชีวิตหนึ่งคน

(ข้อมูลสถิติจากบริษัทโบอิ้ง) ตลอดระยะเวลา
10 ปีที่ผ่านมา มีเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารแบบประจำทั้งสิ้น 186.6 ล้านเที่ยวบิน
 
เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
สายการบินทั้งหลายจึงต้องมีมาตรฐาน
สถิติความปลอดภัยโดยรวมจึงจะดีและอัตราการสูญเสียจึงจะลดลงเรื่อย ๆ
(กรมการบินพลเรือน คือ ผู้คุมมาตรฐานสายการบินในประเทศไทย)

วันหลังจะมาเขียนเรื่องสถิติต่อครับ

(รู้ว่าคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือยาว ๆ)

ขอบคุณภาพจาก popoulsr mechanic 
-----------โฆษณา-------------------

ฝากหนังสือ
"A Pilot" by Capt.Sopon ไว้สำหรับผู้สนใจ ดาวน์โหลดได้ที่
 
eBook.in.th สั่งเล่มจริงได้
ซื้อผ่าน OOKBEE 
ที่ MebMarket

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนังสือของผมชื่อ "A Pilot"

สิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้ อยากเป็นนักบินต้องทำอย่างไร คำแนะนำเบื้องต้นทั้งหมด 7 ตอน และเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตการเป็นนักบินและประสบการณ์ระหว่างบิน เช่น การวิ่งขึ้นกับการลงสนาม ในมุมมองนักบิน อันไหนยากง่ายกว่ากัน การบินในสภาพอากาศ อย่าง turbulence มีอันตรายอย่างไร เรื่องราวความรู้ทั่วไปที่อยากให้ผู้เดินทางเข้าใจเหตุผลและข้อจำกัด

http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=bd9048fe-183b-4115-b661-06658591b91d&affiliateCode=20b886e61d024a5fa2e4afada3552975