Advertising8

google Ads

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รู้ไว้ใช่ว่า ก่อนพาตัวเองขึ้นเครื่องบิน

สิ่งที่อยากให้ทุกคนอ่านก่อนขึ้นเครื่องบิน ตอนที่ 1

ผมขอเขียนถึงสิ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ ตามมุมมองของนักบินนะครับ
สิ่งแรกที่นักบินนึกถึงก่อนเสมอเวลามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นคือ 
ความปลอดภัยของชีวิตคนทุกคนบนเที่ยวบิน
"Safety is the first priority" ครับ
ค่อย ๆ อ่านนะครับ เพื่อจะได้เห็นความสำคัญและมุมมองที่ต่างออกไปครับ

ลูกเรือ (Crew) ตามกฏหมายระบุให้มีสัดส่วนจำนวนไม่น้อยกว่า 1 คน ต่อผู้โดยสาร 50 คน
นั่นคือกฏเกณฑ์สากล
คิดง่ายๆโดยเทียบกับจำนวนทีนั่งที่มีอยู่บนเครื่องหารด้วย 50 เหลือเศษให้ปัดขึ้น
เช่น B747-400 ของการบินไทย มีที่นั่งทั้งหมด 375 ที่นั่ง ต้องมีลูกเรืออย่างน้อย 8 คนเป็นต้น
แต่การบินไทยเน้นด้านความปลอดภัยและการบริการในระดับสูง (Premium Airline) 
จึงมีการกำหนดจำนวนลูกเรือขั้นต่ำไว้เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด 
เพื่อให้การบริการและการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉินได้อย่างทั่วถึงรวดเร็วขึ้น 
อย่าง B747-400 ก็จะใช้ลูกเรือ 14-18 คนแล้วแต่เส้นทางและลักษณะการบริการ เป็นต้น
และต้องมีที่ประจำตำแหน่งของลูกเรือแต่ละคน ซึ่งกระจายไปทั่วๆ ตลอดลำตัวของเครื่องบินทั้งชั้นบนและชั้นล่างของห้องโดยสาร
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสูงอย่าง การวิ่งขึ้น (takeoff) และการร่อนลงสู่สนามบิน (landing) ลูกเรือทุกคนจะต้องอยู่ประจำตำแหน่งที่นั่งของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด (เราเรียกว่า unprepared emergency)

แม้ว่าสายการบินหลักๆ จะเพิ่มจำนวนลูกเรือให้มีมากกว่ามาตรฐานเพื่อรองรับการดูแลผู้โดยสารให้ทั่วถึงแล้วก็ตาม แต่ในสถานการณ์หรือ สภาพเหตุการณ์บางเหตุกาณ์ที่ผู้โดยสารทุกคนจำเป็นต้องช่วยเหลือและดูแลตนเองและบุคคลใกล้ชิดเป็นการฉุกเฉินก่อน จนกว่าลูกเรือจะสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้
อย่างเช่น 
ระหว่างบินระดับ หากเครื่องบินสูญเสียระบบควบคุมความดันอากาศฉับพลัน (Rapid Decompression)
 (ระบบควบคุมความดันอากาศภายในห้องโดยสารเรียกว่า Pressurization control system) ผู้โดยสารทุกคนจะต้องช่วยตัวเองด้วยการใช้ระบบออกซิเจนฉุกเฉิน (emergeny oxygen) ให้แก่ตัวเอง เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจนจนถึงแก่ชีวิต รวมทั้งลูกเรือทุกคนเช่นกันที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจไว้จนกว่าสถานการณ์จะปลอดภัยแล้ว ทางลูกเรือจึงจะสามารถออกจากที่นั่งเพื่อเข้าช่วยเหลือผู้โดยสารที่อาจหมดสติหรือยังไม่หายตื่นตระหนก

ตามข้อมูลด้านเวชศาสตร์การบิน
ที่ความสูง 40,000 ฟุต ถ้าเครื่องบินเกิด rapid decompression ขึ้นทุกคนมีเวลาเพียง 15 วินาทีที่จะยังมีสติในการควบคุมตนเอง ภาษาวิชาการเรียกว่า 15 seconds of useful consciousness 
นั่นหมายถึง 15 วินาทีที่จะช่วยเหลือตนเองด้วยการนำ หน้ากากออกซิเจน (Oxygen mask) ที่หล่นลงมาจากเพดานด้วยระบบอัตโนมัติ มาใส่ครอบไว้ เพื่อให้เราไม่เกิดสภาวะขาดออกซิเจนจนกระทั่งหมดสติ
และควรใส่ให้ตนเองก่อนที่จะใส่ให้ลูกหรือคนที่นั่งอยู่ด้านข้างหากเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้
เพราะถ้าเราใส่ให้เขาก่อน เราอาจจะไม่มีเวลาเหลือที่จะใส่ให้ตนเอง
ดังนั้น ให้ใส่ให้ตนเองก่อน เมื่อเรายังครองสติได้ เรายังช่วยเหลือคนข้าง ๆ ต่อไปได้
โดยเฉพาะถ้าคนที่นั่งข้างๆ เป็นเด็ก หรือบุคคลที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
(อย่าคิดว่าใส่ให้ตัวเองก่อนแล้วจะกลายเป็นเห็นแก่ตัว กรณีนี้เป็นข้อยกเว้น)

หน้ากากออกซิเจน Oxygen Mask จะจ่ายออกซิเจนให้เรามากเมื่อความสูงของเครื่องบินที่บินอยู่สูงจากพื้นมาก และมีอัตราลดลงเมื่อความสูงต่ำลง โดยมีระบบที่ทำการควบคุมการไหลของออกซิเจนโดยอาศัยความกดอากาศ (pressure regulated flow) 
ดังนั้นเมื่อ เครื่องบินบินลดระดับลงมาอยู่ที่ความสูงต่ำๆแล้ว ระบบอาจไม่จ่ายออกซิเจนให้แล้ว 
ซึ่งหากถึงเวลานั้น ลูกเรือก็จะสามารถที่จะเข้ามาดูแลผู้โดยสารที่มีอาการอ่อนเพลียได้แล้ว

ระบบการจ่ายออกซิเจนแก่ผู้โดยสารอาจมีความแตกต่างกันในแต่ละแบบของเครื่องบิน เช่น B747-400 จะใช้คนละระบบกับ B777 ซึ่งทั้งสองระบบจะให้ออกซิเจนที่เพียงพอต่อผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉินอย่าง rapid decompression ได้เหมือน ๆ กัน

ทุกๆ ที่นั่งบนเครื่องบินนั้นจะมี O2 mask อยู่มากกว่าจำนวนที่นั่ง เช่น ที่นั่งชั้นประหยัด อาจเป็นที่นั่ง 3 ตัว แต่ O2 mask จะมี 4 อัน สลับกับ 3 อันไปตลอดทั้งลำ ทั้งนี้เพื่อเผื่อไว้สำหรับผู้โดยสารที่อาจเดินทางพร้อมเด็กเล็ก ๆ หรือกรณีเกิดเหตุระหว่างที่มีคนเดินหรือลูกเรือกำลังให้บริการอาหาร จะได้มี O2 mask ให้ใส่ได้โดยไม่แย่งกันกับผู้โดยสาร เป็นต้น
ในห้องน้ำก็เช่นกัน จะมี O2 mask 2 อันในทุกๆ ห้อง 
เพราะฉะนั้นไม่ควรเข้าห้องน้ำพร้อมกันเกินกว่าสองคน
นั่นไง ใครจะเข้าพร้อมกันสองคนนะ
ก็พ่อแม่ ที่ต้องดูแลลูกเล็กๆ ที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เวลาขับถ่าย หรือต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมไงครับ

ขอให้จำให้ขึ้นใจว่า
"ถ้า O2 mask หล่นลงมาขอให้หยิบใส่ ใส่ให้ตัวเองก่อน ค่อยใส่ให้คนข้างๆทีหลัง
และใส่จนกว่ากัปตันจะบอกว่า ไม่ต้องใส่แล้ว ทุกคนสามารถหายใจได้ตามปกติแล้วจึงจะถอดออก"

เรื่องนี้เขียนได้อีกยาวครับ
ขอเขียนอีกทีตอนต่อไปครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านเรื่องก่อนหน้านี้

การบินในสภาพอากาศ ตอนที่ 3

การบินในสภาพอากาศ ตอนที่ 2

การบินในสภาพอากาศ ตอนที่ 1

นอกจากเมาไม่ขับแล้ว ขึ้นเครื่องบินอย่าเมาเด็ดขาด

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกระเป๋าขึ้นเครื่อง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น